Esta página pode conter conteúdos de terceiros, que são fornecidos apenas para fins informativos (sem representações/garantias) e não devem ser considerados como uma aprovação dos seus pontos de vista pela Gate, nem como aconselhamento financeiro ou profissional. Consulte a Declaração de exoneração de responsabilidade para obter mais informações.
Negociar ações com lucro de 1.000 baht por dia: possibilidades e condições que precisa de saber
คำถามว่า “สามารถทำเงินจากการซื้อขายหุ้นวันละ 1,000 บาทได้จริงหรือ” คำตอบคือ ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ เหตุผลคือเรามีเทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยที่พิสูจน์ได้แล้วว่าสามารถหารายได้หลักพันหรือแม้กระทั่งหลักหมื่นต่อวันจากการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ แต่ความสำเร็จนั้นต้องอาศัยการเตรียมตัวอย่างเป็นระบบ
เงินทุนเริ่มต้นที่เหมาะสม
ที่มาจากการคำนวณกำไรกลับเป็นเปอร์เซ็นต์ของทุน หากเป้าหมายคือ 1,000 บาทต่อวัน จำเป็นต้องคิดให้ชัดเจนว่าเงินทุนของคุณควรอยู่ที่เท่าไหร่
สถานการณ์ที่ 1: ทุนเริ่มต้น 1,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 34,000 บาท)
หากต้องการกำไรวันละ 1,000 บาท จำเป็นต้องทำเทรดให้ได้ 3-4% ต่อวัน หรือประมาณ 30-40 ดอลลาร์ อัตรากำไรนี้ค่อนข้างสูงและต้องการความแม่นยำสูง รวมถึงเลเวอเรจ ที่เหมาะสมเพื่อขยายผลกำไร
สถานการณ์ที่ 2: ทุนเริ่มต้น 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 100,000 บาท)
กำไรวันละ 1,000 บาท (ประมาณ 30 ดอลลาร์) หมายถึงต้องหารายได้ประมาณ 1% ต่อวัน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สมจริงและสามารถทำได้กับการบริหารความเสี่ยงที่ดี
สมการนี้ง่ายๆ คือ ยิ่งเงินทุนมาก ยิ่งต้องการ % กำไรน้อยลงเพื่อถึงเป้าหมายเป็นจำนวนเงิน
ความรู้และความเข้าใจตลาด: รากฐานแรกที่อย่าลืม
ก่อนที่จะหยิบอุปกรณ์เทรดมาเริ่มต้น จำเป็นต้องเข้าใจว่าเงินทุนของคุณวิ่นไปที่ไหน และเงินเฟ้อกำลังทำให้เงินของคุณอ่อนค่าลงอย่างไร
ตัวอย่างเช่น หากคุณมี 100,000 บาทฝากไว้กับธนาคาร ได้ดอกเบี้ย 2-5% ต่อปี ก็เท่ากับรายได้ 2,000-5,000 บาทต่อปี หรือเพียง 200-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อต้องการความเติบโตของเงิน
ดังนั้นการศึกษาและเข้าใจตลาดที่คุณจะลงทุนจึงเป็นการลงทุนครั้งแรกของตัวเองต่อตัวเอง คุณสามารถเริ่มจากการศึกษาอย่างอิสระผ่าน YouTube หรือหนังสือ จากนั้นพัฒนาไปยังการลงคอร์สเรียนจากผู้สอนที่มีประสบการณ์ที่เน้นการสร้างกระแสเงินสดเป็นหลัก
เล่นหุ้นสั้นหรือเล่นยาว: เลือกให้ถูกสไตล์ของตัวเอง
การเทรดระยะสั้น (Short-term Trading)
เป็นการซื้อขายภายในช่วงเวลาสั้น ตั้งแต่ไม่กี่นาทีจนถึงไม่กี่ชั่วโมง โดยมีจุดมุ่งหมายคือจับ Swing ของราคา
ข้อพิจารณาสำคัญ:
ตัวอย่างเช่น หุ้น Apple (AAPL) ซึ่งเป็นหุ้นที่มีข่าวสารบ่อยและมีความผันผวนที่ดี สามารถเข้าใจสัญญานจากจุดต่ำที่สูงขึ้นแล้วเข้าสถานะซื้อ พอราคาพุ่งขึ้นจึงปิดสถานะ
การเทรดระยะยาว (Long-term Trading)
เป็นการถือหุ้นหรือสินทรัพย์เป็นสัปดาห์ เดือน หรือนานกว่านั้น โดยเน้นการวิเคราะห์พื้นฐาน
ข้อพิจารณาสำคัญ:
ความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจและรับได้
1. ความผันผวนของราคา
ทุกสินทรัพย์มีลักษณะเฉพาะตัว ทองคำ ค่าเงิน หรือหุ้นเทคโนโลยีต่างมีระดับความผันผวนต่างกัน ข่าวสงคราม ตัวเลขเศรษฐกิจ หรือการพูดของบุคคลมีอิทธิพล ล้วนทำให้ราคามีการเปลี่ยนแปลง
2. ความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินต้น
เงินทุนต้องรอดปลอดภัยเสียก่อน เพื่อให้สามารถสร้างกำไรได้ต่อไป การตัดขาดทุนให้เหมาะสม (ลบ 5-10% ต่อครั้ง) ดีกว่าเสี่ยงทำให้พอร์ตเสียครึ่ง (ลบ 30-40%)
3. ความไม่รู้เกี่ยวกับต้นทุนแฝง
บางโบรกเกอร์เก็บค่าถือออเดอร์ค้างคืน (Swap) ปัญหา Slippage อาจเกิดขึ้นเมื่อมีข่าวที่กระชากแรง ทำให้ Stop Loss ทำการปิดตำแหน่งในราคาที่ไม่คาดหวัง
4. การเลือกระบบและเครื่องมือเทรดที่ไม่เหมาะสม
โบรกเกอร์ต้องมีมาตรฐานและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแล ระบบการฝาก-ถอน ต้องโปร่งใสและปลอดภัย
จากเป้าหมายไปสู่การปฏิบัติ
หากคุณต้องการหารายได้วันละ 1,000 บาทจากการเทรดหุ้น สิ่งที่จะต้องทำคือ:
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืม
การทำงาน 9-5 ธรรมดาแล้ว เงินเดือนที่ได้นั้นค่อยๆ ถูกกัดเซาะด้วยเงินเฟ้อ หลายคนจึงมองหาช่องทางเพิ่มเติมในการทำให้เงินเติบโต การเทรดหุ้นเป็นหนึ่งในช่องทางเหล่านั้น แต่มันไม่ใช่วิธีทำรายได้ที่ง่าย คุณต้องลงทุนเวลา ลงทุนความรู้ และลงทุนการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
คำถามจึงไม่ใช่ว่า “ทำได้หรือไม่” แต่เป็น “คุณพร้อมที่จะเตรียมตัวมากพอหรือยัง” เพราะการที่คุณเห็นเทรดเดอร์อื่นรวยขึ้น นั่นเป็นผลจากการฝึกฝนนานปี ไม่ใช่ความโชค